พรรคประชาชน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก พรรคประชาชน – People’s Party ระบุว่า แถลงการณ์พรรคประชาชนต่อรัฐบาลไทย กรณีความขัดแย้งชายแดน ไทย-กัมพูชา 5 มิถุนายน 2568
สืบเนื่องจากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งเริ่มต้นจากการปะทะทางทหารบริเวณช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ปัจจุบันยังไม่คลี่คลาย ขณะที่รัฐบาลไทยยังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าไม่มีมาตรการในการแก้ปัญหาที่ชัดเจน ได้สัดส่วน และเท่าทันต่อสถานการณ์ กระทั่งเกิดความกังวลในหมู่ประชาชนว่าสถานการณ์อาจจะถูกยกระดับขึ้นจนกระทบต่ออธิปไตยของประเทศไทย นอกจากนี้อาจจะนำไปสู่สถานการณ์ที่มีบุคคลบางฝ่ายฉวยโอกาสปลุกกระแสให้ใช้กำลังทางทหารแก้ปัญหาโดยไม่จำเป็น หรือยุยงให้กองทัพใช้อำนาจเหนือการควบคุมของรัฐบาล พรรคประชาชนจึงขอเสนอมาตรการเพื่อลดความวิตกกังวลของประชาชนและคลี่คลายสถานการณ์ไทย-กัมพูชาไปยังรัฐบาลไทย ดังนี้
1. นอกจากการใช้เวทีทวิภาคีในการเจรจาและการแสดงออกถึงความพร้อมทางการทหารแล้ว รัฐบาลควรพิจารณาใช้มาตรการทางเศรษฐกิจเพื่อตอบโต้รัฐบาลกัมพูชาอย่างได้สัดส่วนและเหมาะสมกับสถานการณ์ อาทิเช่น
การสั่งห้ามส่งออกสินค้าบางประเภทไปยังประเทศกัมพูชา
การเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจจุดผ่านแดนถาวร จุดผ่อนปรนการค้า และจุดผ่อนปรนเพื่อการท่องเที่ยว หรือแม้กระทั่งการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาบางจุดหากจำเป็น
การไม่อนุญาตให้คนไทยข้ามแดนไปท่องเที่ยวหรือเล่นการพนันในกัมพูชา ซึ่งเคยมีการประเมินว่ามีคนไทยเดินทางไปเล่นการพนันที่กัมพูชาประมาณวันละ 5,000 คน สร้างเงินหมุนเวียนกว่า 40,000 ล้านบาท/ปี
การเพิ่มมาตรการทลายแก๊งคอลเซนเตอร์ที่มีฐานที่มั่นหลักในเขตแดนกัมพูชา เช่น การใช้กฎหมายที่ไทยมีอยู่แล้วในการสั่งอายัดทรัพย์สินผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง การตัดสัญญาณมือถือและอินเตอร์เน็ต รวมทั้งการตัดไฟฟ้าที่ทางการไทยส่งขายให้กัมพูชา การระงับความช่วยเหลือในโครงการพัฒนาในประเทศกัมพูชา
2. รัฐบาลไทยควรดำเนินมาตรการทางการทูตเชิงรุกควบคู่ไปกับการเจรจาทวิภาคี อาทิเช่น
เร่งดำเนินการเชิงรุกทางการทูตเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสถานการณ์ทั้งกับมิตรประเทศของเราในกลุ่มอาเซียน ประเทศสมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ รวมถึงมิตรประเทศอื่นๆ ของไทย เพื่อช่วยโน้มน้าวให้แก้ไขสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทย-กัมพูชาด้วยการเจรจาในระดับทวิภาคีภายใต้กรอบความร่วมมือต่างๆ ที่มีอยู่ รัฐบาลไทยควรเร่งทำความเข้าใจกับสื่อมวลชนต่างประเทศ เพื่อไม่ให้ไทยตกเป็นเหยื่อของข้อมูลที่เป็นเท็จและบิดเบือน ซึ่งอาจทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบในเวทีของประชาคมโลกได้
เนื่องจากกัมพูชาต้องการนำกรณีพิพาทเข้าสู่กลไกระหว่างประเทศ รัฐบาลไทยจึงจำเป็นต้องเตรียมพร้อมสำหรับการนำเสนอข้อเท็จจริงของกรณีพิพาทให้แก่ประชาคมโลก ไม่ว่าจะเป็นอาเซียน สหประชาชาติ หรือกรอบพหุภาคีอื่นๆ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียเปรียบในกรณีที่กัมพูชาใช้กลไกระหว่างประเทศเพื่อยกระดับประเด็นพิพาท
3. รัฐบาลไทยต้องสื่อสารกับประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประชาชนไทยไม่ได้รับทราบความชัดเจนจากรัฐบาลว่าจะมีแนวทางการรับมือความเคลื่อนไหวของกัมพูชาอย่างไร ทั้งยังไม่ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ นอกจากรับทราบจากข่าวที่เผยแพร่ผ่านช่องทางสังคมออนไลน์และสื่อมวลชน ซึ่งทำให้เกิดความสับสนหรือคาดเดาสถานการณ์ไปในทิศทางต่างๆ พรรคประชาชนขอเสนอให้รัฐบาลจัดตั้งวอร์รูมสื่อสารเพื่อแถลงความคืบหน้าสถานการณ์ไทย-กัมพูชาอย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะมาตรการของรัฐบาลไทย เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อเท็จจริงรายวันจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย รวมถึงตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีการปะทะกันระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เพื่อให้ข้อเท็จจริงปรากฏต่อสาธารณะ และเป็นฐานในการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องว่ารัฐบาลไทยไม่ใช่ผู้รุกรานหรือผู้กระทำความผิดในกรณีดังกล่าว
สุดท้าย พรรคประชาชนยืนยันว่า ความขัดแย้งที่ชายแดนไทย-กัมพูชาครั้งนี้จะคลี่คลายลงได้ ด้วยการบริหารสถานการณ์ที่เป็นเอกภาพของรัฐบาล มียุทธศาสตร์และมาตรการที่ชัดเจนและเท่าทันต่อสถานการณ์ ซึ่งจะทำให้เรายุติความขัดแย้งได้โดยไม่ต้องสูญเสียชีวิต เลือดเนื้อ ของพี่น้องทหารและประชาชนผู้บริสุทธิ์